วันพฤหัสบดีที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2556

Artificial Intelligence

ข้อมูลเทคโนโลยี   Artificial   Intelligence   ในปัจจุบัน

เทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ รถยนต์อัจฉริยะ (Intelligent Vehicle)




การเดินทางในอนาคตไม่ไกลนี้  จะเต็มไปด้วยความปลอดภัยอย่างสูงสุด ด้วยเทคโนโลยีรถยนต์อัจฉริยะ ที่ไม่ต้องการคนขับ โดยรถอัจฉริยะจะมีระบบตรวจวัดหลายประเภทติดที่ตัวรถ และส่งผ่านไปเครื่องสื่อสาร  แล้วนำมาประมวลผลคำนวณเส้นทางและควบคุมการเคลื่อนที่ของรถยนต์อัจฉริยะ ซึ่งได้พัฒนามาจาก Artificial Intelligence หรือ AI
มนุษย์เราทุกวันนี้นั้นสามารถออกแบบและสร้าง ให้รถยนต์มีความสามารถที่จะทำการขับเคลื่อนได้อย่างชาญฉลาด ทำการเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาได้ดังใจต้องการ    แถมด้วยมีการติดตั้งระบบอัจฉริยะป้องกันอุบัติเหตุและป้องกันการสูญเสียนั้น คงจะไม่ใช่เรื่องยากเกินจินตนาการของมนุษย์ในยุคสมัยนี้อีกต่อไป แต่ความเป็นจริงแล้วกว่าจะสร้างฝันสู่ความเป็นจริงก็ไม่ง่ายนัก หากแต่ความพยายามของคนไม่เคยหยุดนิ่ง ดังนั้นแล้วจึงเกิดเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ รถยนต์อัจฉริยะ (Intelligent Vehicle) ขึ้นมา ซึ่งมีระบบหลักการการทำงาน และการควบคุม โดยเริ่มต้นตั้งแต่ รับข้อมูลจากอุปกตรวจวัดประเภทต่างๆ ที่ติดตั้งมาบนรถ (Various Sensors)
เช่น อุปกรณ์ตรวจวัดตำแหน่งปัจจุบันของรถ, อุปกรณ์ตรวจวัดตำแหน่งของรถคันอื่นที่เคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกันหรือสวนทางมา, อุปกรณ์ตรวจวัดสิ่งกีดขวางบนเส้นทางการเคลื่อนที่ ทั้งที่อยู่กับที่และเคลื่อนที่, อุปกรณ์ตรวจวัดเส้นแบ่งบนเส้นทาง สัญลักษณ์ หรือสัญญาณจราจรอื่นๆ, อุปกรณ์การสื่อสารระหว่างรถอัจฉริยะด้วยกัน ต่อจากนั้นจะนำข้อมูลจากอุปกรณ์เหล่านี้มาประมวลผล (Data Processing) เพื่อกำหนดเส้นทางการเคลื่อนที่ และควบคุมการเคลื่อนที่ของรถยนต์โดยอัตโนมัติ และมีความปลอดภัย 
นอกจากนี้แล้ว รถยนต์อัจฉริยะยังสามารถประยุกต์ใช้เป็นยานพาหนะสำหรับผู้พิการทางสายตา ผู้พิการแขน-ขา ผู้ทุพพลภาพ และผู้สูงอายุที่ไม่สามารถขับยานพาหนะเองได้อีกด้วย ซึ่งพบว่าในปัจจุบันนี้ มนุษย์เราต้องการที่จะคิดค้นนวัตกรรมใหม่ให้มีความเฉลียวฉลาดเทียบเท่ากับความคิดความอ่านของมนุษย์เอง ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าต้องเป็นการเชื่อมโยงกันของเรื่องเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ตัวจิ๋ว ข้อแตกต่างกันของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ (Digital Computer) และระบบโครงข่ายประสาทเทียม (Artificial Neural Systems) 


แสดงการเปรียบเทียบ ระหว่าง Digital Computers และ Neural Networks


.

เทคโนโลยีนวัตกรรมรถยนต์อัจฉริยะ 
ถ้าจะเทียบเคียงก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นศาสตร์หนึ่งที่แตกแขนงมาจาก Artificial Intelligence หรือ AI นั่นเอง อย่างไรก็ตามยังคงมีการพัฒนาความสนใจใน Artificial Intelligence ซึ่งเริ่มจะให้ผลประโยชน์เกิดขึ้นในองค์กรได้ Artificial Intelligence เป็นทั้งวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมของการสร้างเครื่องจักรกล เพื่อให้มีความฉลาด มีสติปัญญา โดยเฉพาะโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่มีสติปัญญา ซึ่งมันจะเกี่ยวพันถึงงานที่จะใช้คอมพิวเตอร์เพื่อทำความเข้าใจถึงสติปัญญาของมนุษย์ ทางด้านวิทยาศาสตร์นั้น Artificial Intelligence เป็นความพยายามที่จะทำความเข้าใจถึงสิ่งที่จำเป็น และความสามารถของเครื่องจักรกล สติปัญญาในหลายๆ แบบ ทั้งในมนุษย์ สัตว์อื่นๆ และการจัดการข้อมูลของเครื่องจักรกลและหุ่นยนต์ 
ในการวิจัย A.I. ได้ค้นพบวิธีสร้างคอมพิวเตอร์ที่สามารถมีสติปัญญา แต่ก็ไม่ใช่ Intelligence ทั้งหมดที่แท้จริง โดยที่คอมพิวเตอร์ในทุกวันนี้สามารถทำงานที่เราต้องการตามกำหนดขึ้นมาเพื่อเครื่องๆ นั้นได้เป็นอย่างดี แต่ไม่สามารถทำทุกอย่างได้ ดังนั้นจึงถือว่าคอมพิวเตอร์มีความฉลาดในบางเรื่องเท่านั้น ในบางครั้ง A.I. ได้เลียนแบบสติปัญญาของมนุษย์ แต่ก็ไม่เสมอไปที่จะเป็นเช่นนั้น ในด้านหนึ่งเราสามารถเรียนรู้ที่จะสร้างเครื่องจักรกลเพื่อแก้ปัญหาโดยสังเกตจากผู้คน หรือเพียงแต่สังเกตจากวิธีการแก้ปัญหาของเรา
แต่ในทางกลับกัน งานหลายๆ อย่างที่ A.I. เข้าไปมีส่วนร่วมนั้นจะทำการศึกษาปัญหาจากความรู้ทั่วไป มากกว่าที่จะ ศึกษาจากมนุษย์หรือสัตว์ การวิจัย A.I. ได้เปิดกว้างที่จะสามารถใช้วิธีที่ไม่จำเป็นต้องศึกษาหรือสังเกตจากมนุษย์ ซึ่งสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมในทำงานในสิ่งที่มนุษย์สามารถทำได้มากกว่าในปัจจุบัน


โครงการรถยนต์อัจฉริยะ (Intelligent Car) 
เป็นหนึ่งในสามโครงการนำร่องภายใต้โครงการ European Information Society 2010 หรือ i2010 ซึ่งมีจุดประสงค์ในการกระตุ้นการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการสร้างงานในยุโรปผ่านการพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัยแบบดิจิตอล อีกทั้งยังมุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตและการบริการอันดีแก่ประชาชน โครงการรถยนต์อัจฉริยะนี้ เป็นโครงการสำคัญที่นำเอาประโยชน์จากวิทยาการใหม่ๆ ด้านไอซีทีมาพัฒนาระบบรถยนต์ให้มีความปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และกระตุ้นการวิจัยและการพัฒนาให้เป็นรูปธรรม โดยมุ่งให้ประโยชน์แก่ประชาชนและมุ่งเปิดตลาดการค้า
ตัวอย่างระบบด้านไอซีทีที่นำมาใช้กับการขนส่งและรถยนต์ ได้แก่ ระบบการควบคุมเส้นทางอัตโนมัติ (Autonomous Cruise Control หรือ ACC) ซึ่งอาจช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุได้ โดยผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าหากมีการติดตั้งเทคโนโลยี ACC แก่ 10% ของรถยนต์ทั้งหมดภายในปี 2010 จะสามารถช่วยรักษาชีวิตผู้ใช้ถนนได้ประมาณ 4,000 คนต่อปี และเทคโนโลยีเตือนการออกจากช่องทางและช่วยในการเปลี่ยนช่องทางวิ่งของรถยนต์ ถ้ามีการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้เพียง 0.6% ของรถยนต์ทั้งหมดในปี 2010 จะสามารถรักษาชีวิตได้ 1,500 คนต่อปี
กล่าวคือ เทคโนโลยีใหม่ๆ ของสหภาพยุโรปดังกล่าวอาจส่งผลให้มาตรฐานการผลิตรถยนต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีใหม่ๆ ด้านความปลอดภัย และประเด็นการผลิตรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมีความสำคัญมากขึ้นสำหรับยุโรป อีกทั้งในอนาคตสหภาพยุโรปอาจออกกฎหมายและตั้งมาตรฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อส่งเสริมโครงการดังกล่าว ซึ่งไทยควรให้ความสนใจและเตรียมตัวรับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวในอุตสาหกรรมรถยนต์ หากไทยต้องการเป็นดิทรอยแห่งเอเชีย ความคืบหน้าของโครงการการผลิตรถยนต์อัจฉริยะ จึงเป็นโครงการที่น่าติดตามความเคลื่อนไหวต่อไป 


ผลดีของเทคโนโลยีนวัตกรรมรถยนต์อัจฉริยะ 
1.       มีระบบช่วยเตือนคนขับที่มีภาวะการระวังตัวต่ำ เช่นง่วงนอน หรือหลับใน
2.       มีการประมาณว่าการใช้เทคโนโลยีนี้จะสามารถลดการเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ร้ายแรงได้ 9%
3.       ลดการเกิดอุบัติเหตุบนทางมอเตอร์เวย์ได้ถึง 30%
4.       การพัฒนาโครงการรถยนต์อัจฉริยะ (Intelligent Car) ของสหภาพยุโรปเป็นประเด็นสำคัญหนึ่งที่ไทยอาจต้องจับตาในฐานะที่ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
5.       รถยนต์อัจฉริยะยังสามารถประยุกต์ใช้เป็นยานพาหนะสำหรับผู้พิการทางสายตา ผู้พิการแขน-ขา ผู้ทุพพลภาพ และผู้สูงอายุที่ไม่สามารถขับยานพาหนะเองได้อีกด้วย


ผลเสียของเทคโนโลยีนวัตกรรมรถยนต์อัจฉริยะ 
1.        มีความยุ่งยากในการพัฒนาระบบที่ซับซ้อน
2.       มีค่าใช้จ่ายสูงในการใช้เทคโนโลยี  นวัตกรรมรถยนต์อัจฉริยะ


               :  http://www.thaiblogonline.com/sodpichai.blog?PostID=29056

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น