ข้อมูลเทคโนโลยี Artificial
Intelligence ในปัจจุบัน
เทคโนโลยี
และนวัตกรรมใหม่ รถยนต์อัจฉริยะ (Intelligent Vehicle)
การเดินทางในอนาคตไม่ไกลนี้ จะเต็มไปด้วยความปลอดภัยอย่างสูงสุด
ด้วยเทคโนโลยีรถยนต์อัจฉริยะ ที่ไม่ต้องการคนขับ โดยรถอัจฉริยะจะมีระบบตรวจวัดหลายประเภทติดที่ตัวรถ
และส่งผ่านไปเครื่องสื่อสาร แล้วนำมาประมวลผลคำนวณเส้นทางและควบคุมการเคลื่อนที่ของรถยนต์อัจฉริยะ
ซึ่งได้พัฒนามาจาก Artificial Intelligence หรือ
AI
|
|||
มนุษย์เราทุกวันนี้นั้นสามารถออกแบบและสร้าง
ให้รถยนต์มีความสามารถที่จะทำการขับเคลื่อนได้อย่างชาญฉลาด
ทำการเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาได้ดังใจต้องการ แถมด้วยมีการติดตั้งระบบอัจฉริยะป้องกันอุบัติเหตุและป้องกันการสูญเสียนั้น
คงจะไม่ใช่เรื่องยากเกินจินตนาการของมนุษย์ในยุคสมัยนี้อีกต่อไป
แต่ความเป็นจริงแล้วกว่าจะสร้างฝันสู่ความเป็นจริงก็ไม่ง่ายนัก
หากแต่ความพยายามของคนไม่เคยหยุดนิ่ง
ดังนั้นแล้วจึงเกิดเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ รถยนต์อัจฉริยะ (Intelligent
Vehicle) ขึ้นมา ซึ่งมีระบบหลักการการทำงาน และการควบคุม
โดยเริ่มต้นตั้งแต่ รับข้อมูลจากอุปกตรวจวัดประเภทต่างๆ ที่ติดตั้งมาบนรถ (Various
Sensors)
|
|||
เช่น อุปกรณ์ตรวจวัดตำแหน่งปัจจุบันของรถ,
อุปกรณ์ตรวจวัดตำแหน่งของรถคันอื่นที่เคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกันหรือสวนทางมา,
อุปกรณ์ตรวจวัดสิ่งกีดขวางบนเส้นทางการเคลื่อนที่
ทั้งที่อยู่กับที่และเคลื่อนที่, อุปกรณ์ตรวจวัดเส้นแบ่งบนเส้นทาง สัญลักษณ์ หรือสัญญาณจราจรอื่นๆ,
อุปกรณ์การสื่อสารระหว่างรถอัจฉริยะด้วยกัน
ต่อจากนั้นจะนำข้อมูลจากอุปกรณ์เหล่านี้มาประมวลผล (Data Processing) เพื่อกำหนดเส้นทางการเคลื่อนที่
และควบคุมการเคลื่อนที่ของรถยนต์โดยอัตโนมัติ และมีความปลอดภัย
|
|||
นอกจากนี้แล้ว รถยนต์อัจฉริยะยังสามารถประยุกต์ใช้เป็นยานพาหนะสำหรับผู้พิการทางสายตา
ผู้พิการแขน-ขา ผู้ทุพพลภาพ และผู้สูงอายุที่ไม่สามารถขับยานพาหนะเองได้อีกด้วย
ซึ่งพบว่าในปัจจุบันนี้
มนุษย์เราต้องการที่จะคิดค้นนวัตกรรมใหม่ให้มีความเฉลียวฉลาดเทียบเท่ากับความคิดความอ่านของมนุษย์เอง
ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าต้องเป็นการเชื่อมโยงกันของเรื่องเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ตัวจิ๋ว ข้อแตกต่างกันของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ (Digital
Computer) และระบบโครงข่ายประสาทเทียม (Artificial
Neural Systems)
|
แสดงการเปรียบเทียบ ระหว่าง Digital
Computers และ Neural Networks
|
.
|
เทคโนโลยีนวัตกรรมรถยนต์อัจฉริยะ
|
|
ถ้าจะเทียบเคียงก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นศาสตร์หนึ่งที่แตกแขนงมาจาก
Artificial Intelligence หรือ AI นั่นเอง
อย่างไรก็ตามยังคงมีการพัฒนาความสนใจใน Artificial Intelligence ซึ่งเริ่มจะให้ผลประโยชน์เกิดขึ้นในองค์กรได้
Artificial Intelligence เป็นทั้งวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมของการสร้างเครื่องจักรกล
เพื่อให้มีความฉลาด มีสติปัญญา โดยเฉพาะโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่มีสติปัญญา
ซึ่งมันจะเกี่ยวพันถึงงานที่จะใช้คอมพิวเตอร์เพื่อทำความเข้าใจถึงสติปัญญาของมนุษย์
ทางด้านวิทยาศาสตร์นั้น Artificial Intelligence เป็นความพยายามที่จะทำความเข้าใจถึงสิ่งที่จำเป็น
และความสามารถของเครื่องจักรกล สติปัญญาในหลายๆ แบบ ทั้งในมนุษย์ สัตว์อื่นๆ
และการจัดการข้อมูลของเครื่องจักรกลและหุ่นยนต์
|
|
ในการวิจัย A.I. ได้ค้นพบวิธีสร้างคอมพิวเตอร์ที่สามารถมีสติปัญญา
แต่ก็ไม่ใช่ Intelligence ทั้งหมดที่แท้จริง
โดยที่คอมพิวเตอร์ในทุกวันนี้สามารถทำงานที่เราต้องการตามกำหนดขึ้นมาเพื่อเครื่องๆ
นั้นได้เป็นอย่างดี แต่ไม่สามารถทำทุกอย่างได้ ดังนั้นจึงถือว่าคอมพิวเตอร์มีความฉลาดในบางเรื่องเท่านั้น
ในบางครั้ง A.I. ได้เลียนแบบสติปัญญาของมนุษย์
แต่ก็ไม่เสมอไปที่จะเป็นเช่นนั้น
ในด้านหนึ่งเราสามารถเรียนรู้ที่จะสร้างเครื่องจักรกลเพื่อแก้ปัญหาโดยสังเกตจากผู้คน
หรือเพียงแต่สังเกตจากวิธีการแก้ปัญหาของเรา
|
|
แต่ในทางกลับกัน งานหลายๆ อย่างที่ A.I.
เข้าไปมีส่วนร่วมนั้นจะทำการศึกษาปัญหาจากความรู้ทั่วไป
มากกว่าที่จะ ศึกษาจากมนุษย์หรือสัตว์ การวิจัย A.I. ได้เปิดกว้างที่จะสามารถใช้วิธีที่ไม่จำเป็นต้องศึกษาหรือสังเกตจากมนุษย์
ซึ่งสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมในทำงานในสิ่งที่มนุษย์สามารถทำได้มากกว่าในปัจจุบัน
|
|
โครงการรถยนต์อัจฉริยะ
(Intelligent
Car)
|
|
เป็นหนึ่งในสามโครงการนำร่องภายใต้โครงการ European
Information Society 2010 หรือ i2010 ซึ่งมีจุดประสงค์ในการกระตุ้นการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการสร้างงานในยุโรปผ่านการพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัยแบบดิจิตอล
อีกทั้งยังมุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตและการบริการอันดีแก่ประชาชน
โครงการรถยนต์อัจฉริยะนี้ เป็นโครงการสำคัญที่นำเอาประโยชน์จากวิทยาการใหม่ๆ
ด้านไอซีทีมาพัฒนาระบบรถยนต์ให้มีความปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
และกระตุ้นการวิจัยและการพัฒนาให้เป็นรูปธรรม
โดยมุ่งให้ประโยชน์แก่ประชาชนและมุ่งเปิดตลาดการค้า
|
|
ตัวอย่างระบบด้านไอซีทีที่นำมาใช้กับการขนส่งและรถยนต์
ได้แก่ ระบบการควบคุมเส้นทางอัตโนมัติ (Autonomous
Cruise Control หรือ ACC) ซึ่งอาจช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุได้
โดยผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าหากมีการติดตั้งเทคโนโลยี ACC แก่
10% ของรถยนต์ทั้งหมดภายในปี 2010 จะสามารถช่วยรักษาชีวิตผู้ใช้ถนนได้ประมาณ
4,000 คนต่อปี
และเทคโนโลยีเตือนการออกจากช่องทางและช่วยในการเปลี่ยนช่องทางวิ่งของรถยนต์
ถ้ามีการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้เพียง 0.6% ของรถยนต์ทั้งหมดในปี 2010 จะสามารถรักษาชีวิตได้
1,500 คนต่อปี
|
|
กล่าวคือ เทคโนโลยีใหม่ๆ
ของสหภาพยุโรปดังกล่าวอาจส่งผลให้มาตรฐานการผลิตรถยนต์
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีใหม่ๆ ด้านความปลอดภัย
และประเด็นการผลิตรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมีความสำคัญมากขึ้นสำหรับยุโรป
อีกทั้งในอนาคตสหภาพยุโรปอาจออกกฎหมายและตั้งมาตรฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อส่งเสริมโครงการดังกล่าว
ซึ่งไทยควรให้ความสนใจและเตรียมตัวรับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวในอุตสาหกรรมรถยนต์
หากไทยต้องการเป็นดิทรอยแห่งเอเชีย ความคืบหน้าของโครงการการผลิตรถยนต์อัจฉริยะ
จึงเป็นโครงการที่น่าติดตามความเคลื่อนไหวต่อไป
|
ผลดีของเทคโนโลยีนวัตกรรมรถยนต์อัจฉริยะ
1.
มีระบบช่วยเตือนคนขับที่มีภาวะการระวังตัวต่ำ
เช่นง่วงนอน หรือหลับใน
2.
มีการประมาณว่าการใช้เทคโนโลยีนี้จะสามารถลดการเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ร้ายแรงได้
9%
3.
ลดการเกิดอุบัติเหตุบนทางมอเตอร์เวย์ได้ถึง 30%
4.
การพัฒนาโครงการรถยนต์อัจฉริยะ (Intelligent
Car) ของสหภาพยุโรปเป็นประเด็นสำคัญหนึ่งที่ไทยอาจต้องจับตาในฐานะที่ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
5.
รถยนต์อัจฉริยะยังสามารถประยุกต์ใช้เป็นยานพาหนะสำหรับผู้พิการทางสายตา
ผู้พิการแขน-ขา ผู้ทุพพลภาพ และผู้สูงอายุที่ไม่สามารถขับยานพาหนะเองได้อีกด้วย
ผลเสียของเทคโนโลยีนวัตกรรมรถยนต์อัจฉริยะ
1.
มีความยุ่งยากในการพัฒนาระบบที่ซับซ้อน
2.
มีค่าใช้จ่ายสูงในการใช้เทคโนโลยี นวัตกรรมรถยนต์อัจฉริยะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น